หมี่เชงก้วย ขนมรังผึ้งโบราณ
หมี่เชงก้วย หรือที่รู้จักกันในชื่อขนมรังผึ้งโบราณ เป็นขนมหวานโบราณที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน โดยคำว่า “หมี่” ในภาษาจีนแปลว่า “เส้น” ส่วน “เชงก้วย” แปลว่า “ขนม” เมื่อนำมารวมกันจึงหมายถึงขนมที่มีลักษณะเป็นเส้นๆ คล้ายรังผึ้ง ขนมชนิดนี้เป็นที่นิยมในหมู่ชาวจีนแต้จิ๋ว และได้แพร่หลายเข้ามาในประเทศไทยพร้อมกับการอพยพของชาวจีนในอดีต
ประวัติความเป็นมา
หมี่เชงก้วยมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน โดยเชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดมาจากขนม “เจียนปิ่ง” (煎餅) ของชาวจีนฮกเกี้ยน ซึ่งเป็นขนมแผ่นแป้งทอดรสเค็ม ต่อมาได้มีการดัดแปลงให้มีรสชาติหวานและมีลักษณะเป็นรูพรุนคล้ายรังผึ้ง จนกลายเป็นหมี่เชงก้วยอย่างที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน
ส่วนผสมหลัก
- แป้งสาลีอเนกประสงค์
- แป้งมัน
- น้ำตาลทราย
- เกลือ
- ผงฟู
- น้ำเปล่า
- ไข่ไก่
- เบกกิ้งโซดา
- ถั่วลิสงคั่วบด
- น้ำตาลอ้อย (โอวทึ้ง)
วิธีทำ
- ผสมแป้งสาลี แป้งมัน น้ำตาลทราย เกลือ และผงฟูให้เข้ากัน
- เติมน้ำเปล่าและไข่ไก่ลงไป คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียว แล้วพักแป้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง
- ผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำเปล่า คนให้ละลาย แล้วนำไปผสมกับแป้งที่พักไว้ คนให้เข้ากัน
- ตั้งกระทะแบนให้ร้อน เทแป้งลงไป เกลี่ยให้ทั่วกระทะ
- โรยถั่วลิสงคั่วบดและน้ำตาลอ้อยลงไป
- รอจนแป้งสุกและมีสีเหลืองทอง ม้วนหรือพับขนม แล้วตัดเป็นชิ้นพอดีคำ
ความนิยม
หมี่เชงก้วยเป็นขนมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ชาวไทยเชื้อสายจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเทศกาลต่างๆ เช่น เทศกาลตรุษจีน หรือเทศกาลสารทจีน นอกจากนี้ยังเป็นขนมที่นิยมรับประทานเป็นของว่าง หรือของหวานหลังอาหารอีกด้วย
ในปัจจุบัน หมี่เชงก้วยหาทานได้ยากขึ้น เนื่องจากเป็นขนมที่ต้องใช้ความพิถีพิถันในการทำ แต่ก็ยังมีร้านขนมโบราณบางแห่งที่ยังคงทำหมี่เชงก้วยขายอยู่ ทำให้ผู้ที่ชื่นชอบขนมชนิดนี้ยังคงได้ลิ้มรสชาติความอร่อยของหมี่เชงก้วยได้
หมี่เชงก้วยไม่เพียงแต่เป็นขนมที่มีรสชาติอร่อย แต่ยังเป็นขนมที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและประเพณีของชาวจีนที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน