ทุกคนต่างรู้จักพระอัญญาโกณฑัญญะ โดยทราบว่าท่านเป็นพระภิกษุรูปแรก และเป็นพระรูปแรกที่บรรลุธรรมหลังจากได้ฟังธัมมจักกัปปวัตนสูตร และบทถัดมา แต่ว่าเราไม่ค่อยทราบกันเลยว่าท่านหายไปไหนหลังจากบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้ว
Read More
พระเตมีย์ใบ้ (เตมีย์ชาดก)
พระราชาพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พระเจ้ากาสิกราช ครองเมืองชื่อว่า พาราณสี มีพระมเหสี พระนามว่า จันทรเทวี พระราชาไม่มีพระราชโอรสที่จะครองเมืองต่อจากพระองค์ จึงโปรดให้พระนางจันทรเทวีทำพิธีขอพระโอรสจากเทพเจ้า พระนางจันทรเทวีจึงทรงอธิษฐานว่า
“ข้าพเจ้าได้รักษาศีล บริสุทธิ์ตลอดมา ขอให้บุญกุศลนี้บันดาลให้ข้าพเจ้ามีโอรสเถิด”
ฤาษีกินเหี้ย – โคธชาดก
กาลครั้งหนึ่ง ณ วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ขณะพระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่นั้น ได้เอ่ยถึงภิกษุผู้หลอกลวงรูปหนึ่ง ได้นำอดีตนิทานเรื่องหนึ่งขึ้นมาสาธกให้ฟังว่า…
ครั้งหนึ่งมีฤาษีตนหนึ่งผู้ซึ่งบำเพ็ญตบะมาอย่างแกร่งกล้าจนชาวบ้านต่างพากันยกย่อง และด้วยแรงศรัทธาอันแรงกล้าชาวบ้านต่างได้ร่วมกันสร้างศาลาให้แก่ฤาษีผู้นี้ไว้ที่ชายป่าแห่งหนึ่ง ครั้งพระโพธิสัตว์ได้เสวยชาติเป็นเหี้ยตัวหนึ่งได้อาศัยอยู่แถวจอมปลวกใกล้กับพระฤาษี โดยในทุกวันเหี้ยตัวนี้จะเข้าไปกราบไหว้และฟังธรรมคำสั่งสอนจากพระฤาษีเป็นประจำวันละ 3 เวลา จากนั้นจึงกลับไปยังจอมปลวก Read More
ฝนโบกขรพรรษ
ครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดพระประยูรญาติ เมื่อพระองค์เสด็จถึงพระนครกบิลพัสดุ์แล้ว ฝ่ายพระประยูรญาติมีพระเจ้าสุทโธทนะเป็นประธานเสด็จมาต้อนรับ ต่างก็ยังมีทิฐิมานะแรงกล้าไม่ยอมนอบน้อมนมัสการพระบรมศาสดา ด้วยเห็นว่าพระพุทธองค์มีวัยอ่อนกว่าตน พระพุทธองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นเหตุดังนั้น จึงทรงแสดงปาฏิหาริย์เสด็จลอยขึ้นไปจงกรมอยู่บนอากาศ ให้ธุลีละอองพระบาทหล่นลงมาบนพระเศียรเหล่าพระประยูรญาติลำดับนั้น หมู่พระประยูรญาติต่างพากันคลายทิฐิมานะ ประคองอัญชลีนมัสการชื่นชมโสมนัสด้วยบุญญาภินิหารของพระพุทธองค์ ขณะนั้น “ฝนโบกขรพรรษ” ก็ตกลงมาเป็นที่น่าอัศจรรย์
กุททาลบัณฑิต
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ อยู่ในกรุงพาราณสี.พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลคนปลูกผัก ถึงความเป็นผู้รู้เดียงสาแล้วได้นามว่า “กุททาลบัณฑิต”.
ท่านกุททาลบัณฑิตกระทำการฟื้นดินด้วยจอบ เพาะปลูกพืชพันธ์และผัก มีน้ำเต้า ฟักเขียว ฟักเหลืองเป็นต้น เก็บผักเหล่านั้นขาย เลี้ยงชีพด้วยการเบียดกรอ. แท้จริง ท่านกุททาลบัณฑิต นอกจากจอบเล่มเดียวเท่านั้น ทรัพย์สมบัติอย่างอื่นไม่มีเลย.
พญาช้างฉัททันต์
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุณีสาวรูปหนึ่ง ผู้นั่งฟังธรรมระลึกถึงอดีตชาติได้แล้วแสดงอาการเดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวร้องไห้ ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีช้างประมาณ ๘,๐๐๐ เชือกมีฤทธิ์เหาะไปในอากาศได้ อาศัยสระฉันททันต์อยู่ในป่าหิมพานต์ครั้งนั้น พระโพธิ์สัตว์เกิดเป็นลูกช้างของช้างหัวหน้าโขลง มีสีขาวปลอด ปากและเท้าสีแดง เมื่อเติบโตขึ้นมีร่างกายใหญ่โตมากกว่าช้างเชือกอื่น ๆ ที่งามีแสงรัศมี ๖ ประการเปล่งประกายออกมา Read More
หนูกัดผ้า – มงคลชาดก
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเวฬุวัน กรุงราชคฤห์ ทรงปรารภพราหมณ์ชาวเมืองผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ถือมงคลตื่นข่าว ไม่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย เป็นมิจฉาทิฎฐิ มีโภคทรัพย์มาก เรื่องมีอยู่ว่า…
วันหนึ่ง หนูได้กัดผ้านุ่งคู่หนึ่งของพราหมณ์ ที่เก็บไว้ในหีบ เขาคิดว่า “ความพินาศอย่างใหญ่หลวง จักมีแก่ครอบครัวของเราและผู้ที่นุ่งผ้าคู่นี้” จึงให้ลูกชายใช้ท่อนไม้คอนผ้าไปทิ้งที่ป่าช้าผีดิบ
ดาบสขี้โกง (กุหกชาดก)
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในเมืองพาราณสี มีชฎิลโกงผู้หนึ่งเป็นดาบสหลอกลวง อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ภายใต้การอุปถัมภ์ของพ่อค้าคนหนึ่ง เขาสร้างศาลาให้ดาบสและปรนนิบัติด้วยอาหารอันประณีต ด้วยเชื่อว่าดาบสเป็นผู้ทรงศีล จึงนำทองคำร้อยแท่งไปฝังไว้ใกล้ๆ ศาลาของดาบสนั้น เพื่อให้ดาบสช่วยดูแลรักษา ดาบสพูดให้เขาเกิดความสบายใจว่า
” ขึ้นชื่อว่าความโลภในสิ่งของผู้อื่น บรรพชิตไม่มีเลย ”
พญานกแขกเต้ายอดกตัญญู (สาลิเกทารชาดก)
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ หมู่บ้านพราหมณ์ชื่อสาลินทิยะ ในเมืองราชคฤห์ โกลิยพราหมณ์มีไร่ข้าวสาลีประมาณ ๑,๐๐๐ ไร่ มอบให้ลูกจ้างกั้นรั้วดูแลรักษาอยู่ทั้งกลางวันกลางคืน ในที่ไม่ไกลจากไร่นั้น ภูเขาลูกหนึ่งไป มีป่างิ้วใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพญานกแขกเต้ามีบริวารหลายร้อยตัวอาศัยอยู่ในป่างิ้วนั้น พญานกแขกเต้ามีพ่อแม่ที่แก่เฒ่าอยู่คู่หนึ่งเมื่อพาบริวารออกหากินอิ่มแล้ว ก็จะคาบอาหารกลับมาให้พ่อแม่กินด้วยเป็นประจำ
พญาลิงผู้เสียสละ (มหากปิชาดก)
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิ์สัตว์เกิดเป็นพญาลิง มีพละกำลังมากเท่าช้าง ๕ เชือก มีลิงบริวารประมาณ ๘๐,๐๐๐ ตัว อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ ในที่ไม่ไกลจากนั้น มีต้นมะม่วงต้นใหญ่สูงเทียมยอดเขาต้นหนึ่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา มีผลอร่อย หวานหอมคล้ายผลไม้ทิพย์ มีผลโตเท่าหม้อ ผลมะม่วงส่วนหนึ่งหล่นลงบนบก อีกส่วนหนึ่งหล่นลงแม่น้ำ