การสูญเสีย

การสูญเสีย

90

“ผมขอโทษครับ คุณเซ็นเตอร์ แต่เราไม่สามารถออกใบขับขี่ใหม่ให้คุณได้ถ้าไม่ได้ตรวจดูเลขประกันสังคมของคุณก่อน”

เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ฉันต้องอดทนเพื่อพยายามอธิบายว่า ฉันไม่มีบัตรประกันสังคมแล้ว มันถูกขโมยไปที่สถานีรถไฟพร้อมใบขับขี่ กระเป๋าเงิน บัตรเครดิต บัตรธนาคาร เงินสดกับรูปถ่ายลูกของฉัน ยังไม่เลวร้ายพออีกหรือที่ฉันต้องมาที่นี่วันนี้ ฝ่าการจราจรมาต่อแถวยาวน่าเบื่อที่ทุกคนนึกอยากไปอยู่ที่อื่นแทนที่นี่กันทั้งนั้น ฉันดึงเบอร์บัตรคิว และรอเรียกตัวอยู่เพียงเพื่อจะได้รับฟังว่า
“วันนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์ดาวน์ครับ แต่คุณจะไปรับใบขับขี่ที่สำนักงานอีกแห่งของรัฐได้ ไปทางตะวันออกสักยี่สิบกิโลเมตร ออกจากทางหลวง 290 ก็ถึงครับ”
ทั้งหมดเพื่อความผิดที่ฉันไม่ได้ก่อสักนิด ฉันยังคงประสาทเสียเมื่อนึกถึงว่ามีคนแปลกหน้าคนหนึ่งเดินฝ่าฝูงชนที่รีบร้อนในช่วงหลังคริสต์มาสที่สถานียูเนียน แล้วกล้าหาญชาญชัยพอที่จะเปิดกระเป๋าถือของฉันและขโมยกระเป๋าเงินไป ความไม่สะดวกทั้งหลายทั้งปวงไม่ได้คลี่คลายลงเอยวันนี้เมื่อฉันมาที่นี่ เพียงเพื่อจะพบว่าฉันยังต้องขับรถต่อไปอีก ทีแรกขับเข้าเมืองไปสามสิบนาทีเพื่อขอรับบัตรประกันสังคม แล้วขับอีกครึ่งชั่วโมงไปยังสำนักงานแห่งที่สองด้วยความหวังว่าที่นั่นคอมพิวเตอร์จะทำงาน ยังกับว่าฉันไม่มีอะไรดีกว่านี้จะทำแล้วอย่างนั้นแหละ

ฉันพึมพำกับตัวเองขณะที่ฉันดึงเบอร์บัตรคิวและต่อแถวที่สาม ครั้งนี้ที่สำนักงานประกันสังคม ฉันรู้สึกทันทีว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่คนมาสำหรับเรื่องดี ๆ เด็กเล็กร้องให้โหยหวน ผู้ใหญ่บ่นพึมพำ การถูกบังคับให้เหลือแค่ตัวเลขบนบัตรคิวดูจะดูดอะไรก็ตามที่เหมือนความตั้งใจดีกับความเข้าใจออกจากตัวพวกเราที่กำลังรออยู่

“ผมไม่เคยเห็นที่ไหนหยาบกระด้างเท่าที่นี่มาก่อนเลยในชีวิต”
ชายชราใบหน้าคร้ามพร่ำรำพันขณะที่กระแทกไม้เท้าลงบนพื้น
“ต้องดึงเบอร์มาก่อนถึงจะยอมตอบคำถามนี่”
เขาบ่นว่าอย่างไม่เจาะจงให้ใครฟังเป็นพิเศษ แต่พวกเราพยักหน้าเห็นด้วยในความเงียบ ประสิทธิภาพอันเย็นชาการขาดการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชนไม่ค่อยสนใจฉันเท่าไหร่เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อฉันรู้ว่าฉันยังจะต้องเจออีกมากหลังจากที่ฉันออกจากที่นี่ และทั้งหมดนี้เพราะมีคนกล้าหาญชาญชัยมาขโมยกระเป๋าเงินฉันไป

ฉันหวนกลับไปนึกถึงที่มาของความระทมของฉัน และรู้สึกกรามขบเข้าหากันแน่นอีกครั้ง ฉันเคยผ่านฉากนี้มาแล้ว เป็นนาทีที่ไม่ทันตั้งตัว สนใจหลายเรื่องพร้อมกัน มีคนวิ่งสับสนไปมารอบตัว และบ่อยครั้งแค่ไหนที่ฉันเตือนลูกสาววัยรุ่นว่าให้ถือกระเป๋าสะพายคล้องไว้ด้านหน้าเวลาที่อยู่ในฝูงชน ฉันไม่ให้อภัยตัวเองหรือขโมยคนนี้ง่าย ๆ แน่ ๆ ฉันยังคงหงุดหงิดและงุ่นง่าน ไม่ใช่เพราะแค่เจ้าขโมยคนนี้ แต่เพราะความไม่สะดวกอันยืดเยื้อของวันเมื่อเสียงเรียกเบอร์ของฉันดังขึ้น ฉันเดินไปที่เคาน์เตอร์และฉันรู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งในเสื้อคลุมสีชมพูก้าวขึ้นมายืนข้างฉัน ฉันยังรู้สึกด้วยว่าไม่ใช่คิวของเธอ ฉันนั่งรอมาแล้ว เธอก็ต้องทำเหมือนกันด้วยสิ ฉันคิดในใจ
“ขอโทษนะคะคุณ คุณต้องไปดึงเบอร์และรอคิวค่ะ”
เสมียนพูดแทน ความขุ่นใจของฉัน
” แต่ฉันต้องการแค่…….”
เด็กเล็ก ๆ สองคนดึงเสื้อคลุมของเธอและทารกในอ้อมแขนของเธอแผดเสียงร้อง เสมียนทวนขั้นตอนซ้ำ ด้วยท่าทีดุเดือดและรำคาญมากขึ้น
“ได้โปรดเถอะค่ะ คุณ”
ผู้เป็นมารดายังสาวพูดใหม่ ครั้งนี้เธอพูดพร้อมเสียงสะอื้น
“ดิฉันต้องการถามแค่…. ที่นี่ใช่ที่ที่ดิฉันจะขอรับใบมรณบัตรของสามีดิฉันไหมคะ”
เราหยุดนิ่งกลางคัน ทั้งเสมียนทั้งฉัน เราต่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ฉันอยากจะโอบกอดผู้เป็นแม่คนนี้ไว้ เช็ดน้ำตาให้เธอ ช่วยอุ้มทารกที่กำลังร้องให้ปลอบลูกเล็ก ๆ ที่กระสับกระส่ายของเธอ ฉันถอยห่างจากเคาน์เตอร์และพึมพำพูดอะไรออกมาว่าเสียใจและ
“เชิญค่ะ”
เสมียนพูดกับหญิงสาวผู้โศกเศร้าด้วยน้ำเสียงกระด้าง ก่อนจะส่งแบบฟอร์มที่จำเป็นให้ฉัน ฉันกลับมานั่งลงเขียน แต่ฉันปิดปากเงียบและเจียมเนื้อเจียมตัว ฉันเสียกระเป๋าเงินไปหนึ่งใบ แต่เธอเสียสามี ฉันครุ่นคิดขณะที่กรอกฟอร์มก่อนหน้านาทีนี้การสูญเสียของฉันเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ ฉันขับรถไปยังจุดหมายต่อไปด้วยหัวใจที่นึกขอบคุณ ในความคิดของฉัน ฉันยังเห็นภาพผู้หญิงในเสื้อคลุมสีชมพูอีก และได้ยินเสียงสะอื้นของเธอและแม้แต่ขณะที่ขับรถ ฉันก็สวดให้การสูญเสียของเธอและเริ่มต้นตั้งใจที่จะลืมเรื่องการสูญเสียของตัวเองบางครั้งเราเองก็คิดว่าการสูญเสียของเรานี่ช่างยิ่งใหญ่เราแทบจะทนไม่ได้ แต่ถ้าเรามองไปรอบๆข้างเราเราอาจจะเห็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่กว่าของเรา

ที่มา: http://www.watpon.com/life/life1.htm

Leave a Reply