1421 จีนค้นพบทวีปอเมริกา
โคลัมบัสไม่ได้พบอเมริกาเป็นคนแรก
‘ปี ค.ค. 1421: จีนค้นพบทวีปอเมริกา’ ซี่งเป็นหนังสือที่กำลังออกสู่ตลาดอเมริกาในขณะนี้ ได้สร้างความฮือฮาให้กับชาวโลกเป็นอย่างมาก หนังสือเล่มนี้ เขียนโดย กาวิน เมนซิส (GavinMenzies) เขาได้ค้นคว้าและเก็บข้อมูลจากภาพวาดทางทะเล โบราณวัตถุ และข้อมูลทางโบราณคดีจำนวนมาก อย่างทุ่มเทเป็นเวลาถึง14 ปี จนปรากฏเป็นผลงานที่สั่นสะเทือนความเชื่อของคนทั้งโลก
นายเมนซิสพบว่า ‘ผู้ที่ค้นพบผืนแผ่นดินทวีปอเมริกาคนแรกไม่ใช่โคลัมบัส คนที่สามารถเดินเรือรอบโลกคนแรกก็ไม่ใช่แมกแจนแลน’ ทว่า ผู้ที่พิชิตการค้นพบที่ยิ่งใหญ่นี้คือ ขันทีในราชวงศ์หมิง มีนามว่าเจิ้งเหอและขบวนเรือของเขา พวกเขาได้เดินทางเที่ยวประวัติศาสตร์และค้นพบดินแดนใหม่แห่งอเมริการะหว่าง ปี 1421-1423 ก่อนหน้านายโคลัมบัสถึง 70 ปี
การค้นพบนี้ ไม่เพียงเป็นการร่นเวลาในการค้นพบแผ่นดินใหม่นี้ให้เร็วขึ้น 70 ปี อีกทั้งยังเป็นการเปลี่ยนประวัติศาสตร์การเดินทางรอบโลกให้เร็วขึ้นอีกถึง กว่า 100 ปี สำหรับผู้ที่เชื่อถือตามบันทึกประวัติศาสตร์โลกที่ว่า “โคลัมบัส เป็นผู้ค้นพบแผ่นดินอเมริกาเมื่อ วันที่12 ตุลาคม 1492 “นั้น แน่นอนว่าย่อมรู้สึกราวกับว่า บันทึกเล่มนั้นได้ถูกลูกระเบิดโยนเข้าใส่
พบคนจีนอยู่ในทวีปอเมริกามาก่อน
เมนซิสได้เขียนลงในหนังสือของเขาว่า ปี 1421 เจิ้งเหอได้นำขบวนเรือจำนวน 800 ลำ ออกเดินทางจากประเทศจีน และท่องเที่ยวไปรอบโลกนานถึง 2 ปี ระหว่างทางเขาได้ทิ้งร่องรอยต่าง ๆ ไว้ในดินแดนต่างๆ นับตั้งแต่อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไปถึงพื้นที่ต่าง ๆในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย
เมนซิสใช้เวลาถึง 14 ปีในการติดตามร่องรอยการเดินทางไปยังดินแดนต่างๆของเจิ้งเหอ เพื่อทำการวิจัย และก็พบโบราณวัตถุและหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรจำนวนมาก ที่บ่งชี้ว่า ชาวจีนได้มาถึงยังดินแดนอเมริกาก่อนหน้าชาวยุโรปเป็นเวลาหลายสิบปีทีเดียว
ดินแดนใหม่แห่งแรกที่ชาวยุโรปเหยียบย่างเข้าไปนั้น มี ไก่ ข้าว เครื่องถ้วยชามและหยกของจีนอยู่แล้ว ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ พวกเขายังพบคนที่พูดภาษาจีนได้อีกด้วย จากการแปลบันทึกการสำรวจของชาวยุโรปฉบับใหม่ ยังพบว่า เหล่านักผจญภัยชาวยุโรปที่บุกบั่นเข้าไปตามที่ต่าง ๆ เช่น แม็กซิโก แคลิฟอร์เนียซึ่งตั้งอยู่แถบชายฝั่งตะวันตก และฟลอริดาซึ่งอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกของอเมริกา รวมทั้งพื้นที่อื่น ๆ ล้วนพบว่ามีชาวจีนอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังพบเห็นซากเรือสำเภาของจีนอีกด้วย
นายเมนซิสบอกว่า เนื่องจากมีการค้นพบสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีนมากมาย ทำให้นักผจญภัยเหล่านี้ ยังเข้าใจผิดคิดว่าพวกเขาเดินทางมาถึงประเทศจีนเสียอีก
นายเมนซิสยังเชื่ออีกว่า แผนที่การเดินเรือที่นักผจญภัยชาวยุโรปใช้ในสมัยนั้น น่าจะเป็นแผนที่ซึ่งชาวจีนจัดทำขึ้น ซึ่งต่อมาตกไปอยู่ในมือของนักผจญภัยชาวยุโรป
นายกาวิน เมนซิสชาวอังกฤษผู้วิจัย ‘เรื่องของเจิ้งเหอ’ นายเมนซิสเป็นชาวอังกฤษ เกิดเมื่อปี 1937 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เคยใช้ชีวิตในประเทศจีนเป็นเวลา 2 ปี เมื่อปี 1953 เขาสมัครเข้าร่วมในกองทัพเรือของราชินีแห่งอังกฤษ ต่อมาปี 1959 เริ่มชีวิตการทำงานกับเรือดำน้ำ และระหว่างปี 1968 -1970 ก็ได้เป็นผู้บัญชาการเรือดำน้ำลำหนึ่ง เคยติดตามกองเรือไปตามสถานที่ต่าง ๆทั่วโลก อาจกล่าวได้ว่า นายเมนซิสได้เดินทางไปตามเส้นทางที่โคลัมบัส และแมกแจนแลนเคยเดินทางผ่าน สำหรับเขาแล้วประวัติศาสตร์ถือเป็นเพียงงานอดิเรกที่น่าสนใจเท่านั้น
การที่เมนซิสหันมาศึกษาเรื่องการเดินทางของเจิ้งเหอนั้น เกิดขึ้นจากความบังเอิญ เขาเล่าว่า ในปีนั้นเขาและภรรยาได้เดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศจีน เนื่องในโอกาสวันครบรอบแต่งงาน 25 ปี สุดท้ายเขากลับหลงรักกำแพงเมืองจีนและพระราชวังต้องห้าม หลังจากนั้น จึงเริ่มศึกษาผลงานอันยิ่งใหญ่ของกษัตริย์จีนสองพระองค์
10 ปีให้หลัง ขณะที่เขากำลังเขียนโครงร่างหนังสือเรื่อง “กษัตริย์สองพระองค์” ก็ได้พบภาพวาดแผนที่ทางทะเลฉบับหนึ่งซึ่งชาวโปรตุเกสคนหนึ่งเก็บรักษาไว้ ภาพวาดทางทะเลนี้ มีอายุเก่าแก่ราวปีที่20 ของศตวรรษที่15 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่โคลัมเบียพบทวีปอเมริกาถึง 70ปี เมื่อเมนซิสได้ศึกษาภาพวาดแผนที่นี้อย่างละเอียด ก็พบว่าเป็นผลงานของชาวจีน จากนั้น เขาจึงทิ้งหนังสือเรื่อง “กษัตริย์สองพระองค์” แล้วหันมาศึกษาเรื่องราวของเจิ้งเหอและการเดินทางของพวกเขา
ระหว่างช่วงเวลา 14 ปีนี้ เมนซิสได้เดินทางสำรวจกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ได้ไปถึงปากอ่าวที่สำคัญของดินแดนยุคกลางเกือบทั้งหมด เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และห้องสมุดทั่วโลกกว่า 900 แห่ง เมื่อการวิจัยของเขาเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ก็ได้รับการสนับสนุนจากบุคคลต่าง ๆมากมาย รวมทั้งเหล่านักวิชาการทางประวัติศาสตร์ของมณฑลยูนนาน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเจิ้งเหอ
หนังสือบันทึกการเดินทางของเจิ้งเหอ ข้อโต้แย้งจากการศึกษาประวัติศาสตร์โลก
มีนักวิจัยระดับศาสตราจารย์จากทั่วโลกกว่า 200 คนได้ทำการศึกษาหลักฐานของเมนซิส อันได้แก่ ซากเรือ การทดสอบทาง DNA และหลักฐานอื่น ๆ ก่อนที่จะได้เห็นหลักฐาน ผู้คนจำนวนมากคิดว่านายเมนซิสคงจะเสียสติไปแล้ว แต่เมื่อได้เห็นหลักฐานแล้ว มีกว่า 85% ที่กลับใจมายอมรับว่า ชาวจีนเป็นผู้ค้นพบทวีปอเมริกาก่อนชาวยุโรป
ทว่า ก็มีคนกลุ่มเล็ก ๆที่เสนอข้อคิดเห็นโต้แย้งกัน 3 ข้อ ได้แก่ ข้อ 1. ก่อนปี 1421 ชาวจีนได้ค้นพบทวีปอเมริกาอยู่ก่อนแล้ว ข้อ 2. เรือที่เจิ้งเหอใช้ในตอนนั้น ไม่น่าจะมีขนาดใหญ่ดังคำกล่าวของเมนซิส ซึ่งสันนิษฐานว่า ขนาดเรือที่ใหญ่ที่สุดมีความยาว 450 ฟุต ขณะที่คนส่วนหนึ่งเห็นว่าไม่น่าจะมีความยาวเกิน 370-380 ฟุต ข้อ3. เมนซิสเชื่อว่าชาวจีนในขณะนั้น นอกจากสามารถคำนวณเส้นละติจูดแล้ว ยังสามารถคำนวณหาตำแหน่งของเส้นลองจิจูดได้ด้วย ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางท่านเชื่อว่าชาวจีนในสมัยนั้น ยังไม่น่าจะรู้วิธีคำนวณหาเส้นลองจิจูด
ปี 2008 เดินทางสู่ประเทศจีน
ชาวโลกต่างมีความคิดเห็นต่อหนังสือ ‘1421’ ที่หลากหลาย บ้างก็เชื่อว่าทรงคุณค่าอย่างมาก บ้างก็คิดว่าวิธีการศึกษาวิจัยของเมนซิสเป็นเพียงงานอดิเรกยังไม่น่าเชื่อ ถือ และหลักฐานของเขาก็ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่หลายคนล้วนเห็นด้วย นั่นคือไม่ว่าหนังสือเล่มนี้ จะสามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์โลกหรือไม่ ก็จะส่งผลในการกระตุ้นให้ผู้คนสนใจศึกษาประวัติศาสตร์ในช่วงนี้มากขึ้น เมื่อมีการศึกษาวิจัยเพิ่มมากขึ้น ข้อเท็จจริงทั้งหลายก็จะเผยออกมาเอง
เมนซิสให้ความเห็นว่า การพิมพ์หนังสือเล่มนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เขาจะยังคงศึกษาเรื่องนี้ต่อไป รายงานข่าวแจ้งว่า เมนซิสได้รับการรับรองสนับสนุนทางการเงิน เพื่อเตรียมออกเดินทางย้อนรอยเส้นทางการเดินเรือสำเภาของเจิ้งเหอ โดยเขาจะโดยสารเรือไปตามเส้นทางของเจิ้งเหอจากประเทศจีนออกเดินทางไปทั่วโลก ลูกเรือที่ไปด้วย ก็จะเลียนแบบการใช้ชีวิตบนเรือในสมัยนั้น กำหนดการเดินทางรอบโลกของเมนซิสจะสิ้นสุดในปี 2008 ก่อนการเริ่มต้นการแข่งขันโอลิมปิค
มีข่าวรับแจ้งว่า สถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งได้จ่ายเงิน 3 ล้านปอนด์ เพื่อขอซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทำบันทึกการเดินทางของเมนซิสไว้แล้ว.
แปลจากพีเพิลเน็ต