กรรไกรเล็บมังกร

กรรไกรเล็บมังกร

108_20130325094213.

ยุคราชวงศ์หมิงของประเทศจีน ในสมัยของกษัตริย์หมิงซื่อจง ราวๆ 1500 ปีก่อน
ในสมัยนั้นมีคำล่ำลือกันทั่วไปว่า ในเมืองหลวงมีช่างตัดเสื้อผู้หนึ่งชื่อช่างหยู เป็นผู้มีพรสวรรค์ในการตัดเสื้อผ้าได้งดงามดั่งมีเทพยดามาช่วยตัดเย็บ เสื้อผ้าที่ช่างหยูตัดเย็บนั้นจะมีความละเอียดละออในทุกๆจุดจนหาที่ติแทบมิได้ สำคัญไปกว่านั้นก็คือไม่ว่าจะตัดให้กับผู้ใดใส่ ความสั้นยาวของชายผ้าจะพอดีตัวผู้ใส่ตามธรรมเนียมการแต่งตัวของราชสำนักเสมอ
หลายเสียงพูดกันว่าช่างหยูมีกรรไกรวิเศษที่ใช้ในการตัดผ้าทำมาจากเล็บของมังกร
บ้างก็เรียกช่างหยูว่าช่างกรรไกรเล็บมังกร
แม้จะร่ำลือกันอย่างนั้น ก็หามีใครเคยเห็นกรรไกรที่ทำมาจากเล็บมังกรของช่างหยูไม่

ในที่สุดชื่อเสียงของช่างหยูก็ดังมาถึงหูของขุนนางหนุ่มนามว่าเถียน
ขุนนางเถียนจึงเรียกช่างหยูเขาไปพบเพื่อจะให้ตัดเสื้อชุดสำหรับเข้าเฝ้ากษัตริย์ในพระราชวัง

“เจ้าเอากรรไกรเล็บมังกรของเจ้ามาด้วยหรือเปล่า” ขุนนางเถียนพูดขึ้นขณะที่ช่างหยูกำลังวัดตัวอยู่
“ใต้เท้า…กรรไกรของข้าพเจ้านั้นทำจากเหล็กธรรมดา ข้าพเจ้าจ้างสหายช่างเหล็กที่แคว้นเว่ยทำให้ มิได้ทำจากเล็บมังกรอย่างที่ผู้คนล่ำลือ” ช่างหยูตอบ
“แล้วเจ้าใช้ของวิเศษใดตัดเย็บเสื้อผ้าได้ถูกอกถูกใจผู้คน” ขุนนางเถียนหมุนตัวหันหลังให้ช่างหยูวัดต่อ
“ข้าพเจ้ามิได้ใช้ของวิเศษใดเลยใต้เท้า เข็มเย็บผ้าของข้าพเจ้าก็หาซื้อมาจากตลาด ด้ายข้าพเจ้าก็จ้างเขาฝั้นขึ้นมาเหมือนช่างคนอื่นๆ” ช่างหยูจดความยาวของลำตัวขุนนางเถียนลงบนเศษผ้า

ขุนนางเถียนยังคงสงสัย “เจ้าตัดเย็บเสื้อผ้ามากี่ปีแล้ว”
“ยี่สิบปีแล้วขอรับ ใต้เท้า” ช่างหยูถอยออกมาทำท่าคำนับ แล้วก็ถามขุนนางเถียนกลับไปว่า
“ใต้เท้าเข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณมาเป็นเวลานานเท่าไรแล้วขอรับ”
“เจ้าว่าอะไรนะ” น้ำเสียงขุนนางหนุ่มไม่พอใจ
“ข้าพเจ้าถามใต้เท้าว่า ท่านรับราชการมาเป็นเวลานานเท่าไรแล้วขอรับ” ช่างหยูพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม
“บังอาจมาก” ขุนนางเถียนลุกขึ้นตบโต๊ะด้วยอารมณ์ขุ่น “เจ้าเป็นเพียงช่างตัดเสื้อ หน้าที่ของเจ้าก็คือการวัดตัว แล้วก็ตัดเสื้อผ้า เจ้าจะมาถามเราว่าเรารับราชการมานานกี่ปีแล้วทำไม มันเป็นธุระอะไรของเจ้า หรือเห็นว่าข้าถามเจ้าได้ เจ้าก็สำคัญผิดถามข้ากลับหรืออย่างไร”
“หามิได้ท่านใต้เท้า” ช่างหยูโค้งคำนับ “คำถามที่ข้าพเจ้าถามท่านนั้น ข้าพเจ้ามิได้มีความตั้งใจจะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของใต้เท้าเลยแม้สักน้อย แต่ที่จำต้องถามก็เพราะจะได้นำไปใช้ในการตัดเย็บชุดให้เหมาะเจาะสวยงาม”
“นี่เจ้าเป็นคนวิกลจริตหรือเป็นช่างตัดเสื้อกันแน่” ขุนนางหนุ่มยังข้องใจ “การตัดเสื้อผ้ามันจะไปเกี่ยวอะไรกับอายุราชการของเรา”
“ใต้เท้า…ขอข้าพเจ้าได้ชี้แจง” ช่างผู้มีฉายาว่ากรรไกรเล็บมังกรโค้งคำนับอีกครั้ง

“ขึ้นชื่อว่าขุนนางนั้นไซร้ เมื่อรับราชการแล้วก็ย่อมมีการเลื่อนขั้นเป็นธรรมดา ขุนนางหนุ่มที่เพิ่งเข้ารับราชการ เมื่อได้ปูนบำเหน็จตำแหน่งสูงขึ้นก็ย่อมจะเกิดความพึงใจ เวลาเดินก็จะยืดอกผึ่งผาย เมื่อข้าพเจ้าตัดเสื้อให้ก็จะตัดให้ชายเสื้อด้านหลังสั้นด้านหน้ายาว ครั้นรับราชการไปได้สักกึ่งอายุ จิตใจก็จะค่อยๆเยือกเย็นวางเฉยมากขึ้น ท่าเดินก็จะลดความผึ่งผายลง เสื้อผ้าที่ข้าพเจ้าจะตัดเย็บก็จะให้ชายเสื้อด้านหน้าและด้านหลังเสมอกัน และเมื่อรับราชการไปจนใกล้อายุเกษียณ นอกจากความวางเฉยแล้ว อาจจะมีความรู้สึกไม่สบายใจปะปนอยู่ ซึ่งย่อมจะแสดงออกมาในท่าเดินที่ค้อมตัวลง ข้าพเจ้าก็จะตัดเสื้อให้ชายเสื้อด้านหน้าสั้นส่วนด้านหลังยาว”
ขุนนางเถียนฟังแล้วก็นิ่งไป
“ด้วยเหตุทั้งหมดนี้ข้าพเจ้าจึงจำต้องไถ่ถามเรื่องที่ใต้เท้าคิดว่าข้าพเจ้าไม่สมควรถาม แต่เพื่อจะได้ตัดชุดให้เข้ารูปและถูกใจ ข้าพเจ้าจำต้องถามทุกคนขอรับ”
…………………………………………………….

ที่มา: https://www.facebook.com/prapaschol/posts/639159349437851

Leave a Reply