หิกะยัต ปันหยี สะมิหรัง (อิเหนาต้นฉบับ) ตอนที่ 7: อิเหนาตามหาจินตะหรา
หลังจากอิเหนาทราบจากมหาเดหวีว่า แท้แล้วปันหยีสะมิหรังนั้นหาใช่ใครไม่ นอกจากคู่ตุนาหงันของตนเอง ท้าวเธอก็ให้มีจิตพิศวาสกลัดกลุ้มรุมเร้า ด้วยเห็นจินตะหราซึ่งมีความสับสนทางเพศนี้เหมาะสมกับตนยิ่งนัก
ด้วยความรักอัดอั้นตันอก ระเด่นแห่งกุเรปันจึงตัดสินใจจะออกมะงุมมะงาหรา เพื่อแสวงหาจินตะหรา แต่ก่อนอื่นต้องทำหน้าที่ของลูกเขยที่ดีก่อน โดยเอามหาเดหวีไปปล่อยเมืองดาหาให้สิ้นเรื่องราว
ในลักษณะดังกล่าวระตูดาหาจึงได้พบกับมหาเดหวีอีกครั้ง พอรับฟังเรื่องราวการตกระกำลำบากของลูกเมีย จอมกษัตริย์ค่อยได้สติ มีจิตใจสงสารมหาเดหวีนัก ประกอบกับตอนนั้นมนต์สเน่ห์ชานหมากของลิกูเสื่อมลงแล้ว ระตูดาหาจึงตั้งมหาเดหวีเป็นประไหมสุหรี แล้วก็ลืมๆนางลิกูและอาหยังจอมกลิ้งไป
อิเหนาวางใจเรื่องทางดาหาแล้ว เกิดปิ๊งไอเดียว่าถ้าปลอมตัวเป็นโจรก็คงจะพบจินตะหราง่ายขึ้น เพราะจะทำให้นางมีความสะดุดใจเมื่อทราบข่าวตน เขาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “กะละหนา ปันหยี ยาเหย็ง กะสุมา” โดยตั้งใจให้มีคำว่าปันหยีอยู่ในชื่อด้วยจะได้เด่น
ทั้งนี้การมะงุมมะงาหราของอิเหนามิได้ไปกันเพียงสี่ห้าคนเหมือนคราวจินตะหรา แต่ไปกับกองทัพที่ยกมาตั้งแต่คราวจะปราบปันหยีสะมิหรัง
…แม้ว่าเส้นทางจะกันดารเพียงใด อิเหนาก็มิได้หวั่น เพราะเมื่อคิดท้อก็จะเอาผ้ารัดตัวของจินตะหรามาดม แล้วก็จูบ แล้วก็เช็ดน้ำตา เช็ดเหงื่อ แล้วก็ดมต่อ ให้เกิดมีกำลังขึ้น…
กองทัพของอิเหนาเดินทางไปถึงเขตเมืองสะดายุจึงตั้งพักอยู่ ระตูสะดายุเห็นกองทัพไม่ประกาศสัญชาติผ่านมาก็กลัว จัดรี้พลออกไปต่อสู้กับอิเหนาอย่างดุเดือด
ด้วยความที่อิเหนาเป็นพระเอกจึงกวัดแกว่งพระแสงกริชกาละมิตานีสยบศัตรูสิ้น ระตูสะดายุรบแพ้ยกลูกสาวคนงามนามว่าก้าโหละนาหวังให้ อิเหนารับไว้เป็นเมียแล้วออกเดินทางต่อ
ครั้นกองทัพของเขาผ่านมาอีกเมืองชื่อจรกาก็เกิดเหตุการณ์ซ้ำเดิม คือระตูจรการะแวงยกมารบกับอิเหนา ถูกอิเหนาฆ่าตาย คราวนี้ชาวเมืองจรกาพร้อมใจกันยกก้าโหละนิลวาตีให้ อิเหนาจึงได้เมียใหม่ถึงสองคน
นิลวาตีนั้นเหมือนนาหวัง คือตอนแรกกลัวว่าอิเหนาเป็นโจรป่าถึกๆก็ร้องไห้งอแงอย่างโน้นอย่างนี้ แต่พอเห็นออร่าความหล่อแล้วค่อยยอมสยบ ต่างรักใคร่กันดีช่วยกันปรนนิบัติสามีให้มีความสุข
แม้ว่านิลวาตีกับนาหวังจะมีความสุขกับอิเหนาแค่ไหน แต่ทั้งสองก็สังเกตเห็นว่าเขามักมีอาการใจลอยเป็นพักๆ ชอบหยิบผ้าเน่าๆผืนหนึ่งมาดมมาจูบ เมื่อถามว่าเป็นผ้าของเมียคนไหนหรือเปล่า? อิเหนาก็ตอบว่า “ยาหยี (น้องรัก) อย่าวิตกไป นี่เป็นผ้าของเพื่อนกะกันดา (เสด็จพี่) ชื่อปันหยีสะมิหรัง กะกันดามิได้จูบผ้า แต่จูบความดีของลูกผู้ชายคนหนึ่งมิให้ลืมกลิ่น”
นิลวาตีประท้วงว่า “ธรรมดาผู้ชายจะรักในความดีของเพื่อนนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่มักตอบแทนกันด้วยความดี น้องหาเคยเห็นใครเอากางเกงในเพื่อนมาดมเช่นพี่ไม่”
อิเหนาจึงว่า “นี่คือผ้ารัดตัว มิใช่กางเกงใน อีกอย่างปันหยีสะมิหรังนั้นเป็นคนกำยำล่ำสัน ตัวดำตาแดง หนวดเครารกครึ้ม ยาหยีอย่าได้หึงเลย”
ก็ไม่รู้อิเหนาจะต้องโกหกไปทำไม เพราะกษัตริย์ยุคนั้นมีเมียหลายคนเป็นเรื่องธรรมดา แต่คำโกหกของเขากลับทำให้นิลวาตีและนาหวังตะลึงในความวิปริตผิดเพศของสามี คือนอกจากจะชอบผู้ชายแล้วยังชอบแบบกล้ามๆอีกด้วย
…พวกนางทำใจอยู่นาน ดูออร่าความหล่อของอิเหนาไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็ทำใจได้…
ทั้งหมดรั้งอยู่เมืองจรกาพักหนึ่งจึงออกเดินทางต่อไปยังเมืองกาหลัง โดยมีระเด่นวิรันตะกะ เจ้าชายจรกาที่นับถืออิเหนาเป็นพี่ติดตามไปด้วย (ท่านผู้อ่านไม่ต้องจำชื่อของคนๆนี้ก็ได้เพราะเป็นตัวประกอบไม่รู้ตามมาทำไม)
… … …
ตัดไปที่ฝ่ายจินตะหราซึ่งมะงุมมะงาหราไปยังวิลิศมาหรา (คำว่ามาหรา คือ เมรุ ซึ่งแปลว่าภูเขา วิลิศมาหราคือภูเขาวิลิศนั่นเอง)
แม้ว่าก้าโหละน้อยจะงดงามเหมือนดวงบุหลัน (ดวงจันทร์) แต่ตลอดการเดินทางกลับมีแต่อารมณ์วุ่นวายสับสน จนใบหน้าบิดเบี้ยวเหมือนบุหลันซ่อนเมฆ
…จินตะหรามิสามารถลืมเลือนความหล่อของกะกันดาอิเหนาได้ ยังคิดลังเลจะกลับไปหาคู่หมั้นเสมอๆ แต่เมื่อวกกลับไปครั้งใด เกนบาหยัน กับเกนส้าหงิดก็จะชี้ให้ดูศพของเหตุผลที่ทั้งสองอุตส่าห์หามมาด้วยความยากลำบาก ทำให้จินตะหราจำต้องมุ่งมั่นออกบวชต่อ
การที่นางเลือกมาวิลิศมาหรานี้เป็นเพราะนับถือผู้วิเศษหญิงแห่งวงศ์อสัญแดหวา นามบีกู คัณฑะส่าหรี ที่บวชอยู่ที่นี่พร้อมกับแอหนัง (แม่ชี) จำนวนมาก
เมื่อจินตะหราเข้าเฝ้าบีกูผู้มีหน้าตาสวยสงบ จึงร้องว่า “เสด็จอาเพคะ หม่อมฉันจินตะหรา ได้มะงุมมะงาหรา มายังวิลิศมาหรา เพื่อออกบวชให้แก่องค์ปะตะระกาหรา”
“แล้วเดินทางมาได้กี่หลาแล้วล่ะลูก?” บีกู คัณฑะส่าหรีทัก “…ล้อเล่น จริงๆอาให้เจ้าบวชมิได้ดอกเพราะเจ้ามีกรรมเก่าอยู่”
“เสด็จอาไม่สงสารหม่อมฉันหรือที่ถูกแม่เลี้ยงกับน้องสาวรังแก!” จินตะหราสะอื้น จึงเล่าเรื่องที่แม่ถูกวางยา ตัวเองถูกตัดผม จนต้องออกมามะงุมมะงาหราอย่างยากแค้น โดยข้ามๆเรื่องที่ตนเองเคยปล้นฆ่าประชาชนและเหตุผลไป
บีกู คัณฑะส่าหรีถอนหายใจ “ถึงอย่างนั้นอาก็ให้เจ้าบวชไม่ได้ เพราะเจ้ามีชะตาที่จะไปเป็น…”
“เป็นอะไรเพคะ…”
“…เป็น…
(ท่านผู้อ่านลองทายดู ให้เวลาสามวินาทีนะครับ
ก. เป็นเมียของอิเหนา
ข. เป็นสามีของอิเหนา
ค. เป็นกษัตริย์ของชวาทั้งหมด
ง. เป็นนักร้อง
…
3…
2…
1…
คำตอบคือข้อ ง. ครับ)
“…จินตะหราเอ๋ย เจ้ามีชะตากรรมที่จะเป็นนักร้อง!” บีกู คัณฑะส่าหรีทำนายด้วยเสียงเฉียบขาด
“อะไรนะ กรี๊ด หม่อมฉันจะได้เป็นนักร้องหรือเพคะ!” จินตะหราเก็บความดีใจไว้ไม่ได้ เหลียวไปมองนางกำนัลให้ชื่นชมยินดีกับตน …เห็นเพียงเกนบาหยัน เกนส้าหงิดกำลังห่อศพทำมัมมี่เหตุผลด้วยสีหน้าเบื่อๆ…
ด้วยเหตุนี้บีกู คัณฑะส่าหรีจึงชักนำจินตะหราเข้าสู่วงการบันเทิง โดยให้ นามว่า กำบู (นักร้อง) วาระคะ อัสมาหรา หรือชื่อในวงการคือ จินตะหรา พูนลาภ อาร์สยาม
พวกบุษบาชูวิต บุษบาส่าหรี และนางกำนัลต่างถูกจับแปลงเป็นหางเครื่องทั้งสิ้น โดยบีกูส่งไปเปิดคอนเสิร์ตครั้งแรก ณ เมืองกาหลัง ซึ่งก็เป็นที่ๆอิเหนากำลังไปนั่นเอง
…คอนเสิร์ตของกำบูจินตะหรา พูนลาภจะประสบความสำเร็จหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไป…