หิกะยัต ปันหยี สะมิหรัง (อิเหนาต้นฉบับ) ตอนที่ 9: and they lived happily ever after

หิกะยัต ปันหยี สะมิหรัง (อิเหนาต้นฉบับ) ตอนที่ 9: and they lived happily ever after

กิระดังได้สดับมาถึงเรื่องราวอันพิสดารเหลือพรรณาของท่านดาโต๊ะ
หลังจากมีข้าศึกมาประชิดเมือง ทำให้อิเหนาพลาดโอกาสจับกำบูจินตะหราพูนลาภยาราไนก้า ท้าวเธอจำต้องกลั้นพระอัสสุชล ถือพระแสงกริชกาละมิตานี ขี่มหาอาชาไนยรังคะรังคิตออกปกป้องแผ่นดิน

ลับหลังอิเหนานั้น ก้าโหละนาหวัง และนิลวาตีเห็นเป็นโอกาสจึงเข้าไปผลัดกันกันยั่วยวนกำบูจินตะหรา เรียกให้มาเปิดคอนเสิร์ตในวัง พร้อมกับประทานทรัพย์สมบัติต่างๆมากมาย หวังเอากำบูรูปงามมาเป็นชู้รัก กำบูจินตะหราก็เพียงเซิ้งลูกทุ่งไปตามหน้าที่ แต่มิได้แสดงอาการรักตอบพวกนางเลย
เมื่ออิเหนาปราบศัตรูเสร็จ ได้ลูกสาวศัตรูที่เป็นตัวประกอบเจือจางจนผมขี้เกียจเขียนชื่อมาเป็นเมียอีกสองคน จึงกรีฑาทัพกลับเมืองกาหลัง

ที่นั่นเขาพบก้าโหละนิลวาตี (ผู้แค้นใจที่จินตะหราไม่รับรัก) มาฟ้องว่ากำบูนั้นกำลังเล่นชู้กับก้าโหละนาหวัง ขอให้พระสวามีจงสำเร็จโทษให้เข็ดหลาบ!
อิเหนาจำไปชำระความแบบมึนๆ ปะเหมาะเคราะห์ดีเป็นช่วงเวลาที่กำบูจินตะหราเกิดอาการสองบุคลิกกำเริบจึงเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นหญิงไปไกวเปลให้ตุ๊กตาทองคำ
อิเหนาได้เห็นหญิงสาวแปลกหน้ามาเล่นตุ๊กตา ตอนแรกก็จะจำมิได้ แต่ด้วยการเซ่นสังเวยบูชายัญเหตุผลที่ผ่านๆมาทั้งหมด ทำองค์ปะตาระกาหลาพอใจ จึงบันดาลให้อิเหนาตระหนักรู้ว่าผู้หญิงคนนี้แหละคือก้าโหละจินตะหรา ซึ่งเป็นคนเดียวกับปันหยีสะมิหรัง และกำบูที่เป็นชู้กับเมียตนนั่นเอง
จินตะหราเล่นตุ๊กตาอยู่ พอเงยหน้าขึ้นเห็นอิเหนา อยู่ๆก็เกิดจำได้เช่นกันว่านี่คือองค์ตุนาหงัน นางตกใจหยิบตุ๊กตาที่เมื่อกี้รักประดุจลูกขว้างใส่อิเหนาทันที!

…ตุ๊กตานั้นแฝงลมปราณถึงสิบชั่ง โชคดีอิเหนามีพลังยุทธจึงรับตุ๊กตานั้นอย่างง่ายดาย แล้วตัดพ้อว่า “น้องหญิงขว้างตุ๊กตาทิ้ง น้องหญิงไม่รักลูกของเราแล้วหรือ?”
จินตะหรามีความเอียงอายก็พยายามหยิบวิกกำบูขึ้นมาสวม “ท่านพูดอะไรเล่า เราหาใช่น้องหญิงของท่านไม่ เราเป็นนักร้อง …แตงโม แตงโม่ แตงโม”
อิเหนาหัวเราะ จึงบอกแก่ฝ่ายตรงข้าม “น้องหญิง… คนเรานั้นถึงจะหลอกทุกคนในโลกได้ แต่หลอกตัวเองไม่ได้ดอก ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย หรือเป็นทอมที่เป็นตุ๊ดที่เป็นเกย์ เจ้าก็ยังคงเป็นน้องหญิงของพี่อยู่”

จินตะหราฟังดังนั้นก็หน้าแดงระเรื่อด้วยความขวยเขิน ตัดพ้อว่า “น้องหาคู่ควรกับพี่ไม่ พี่ควรแต่งกับก้าโหละอาหยัง จะมาใยดีน้องทำไมกัน”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง” อิเหนากล่าว “พี่ไม่เคยใยดียัยกลิ้งนั่นอยู่แล้ว เดี๋ยวเขียนหนังสือหย่าให้เลย” แล้วระเด่นกุเรปันก็เล้าโลมคนรักอย่างกระหนุงกระหนิงมุ้งมิ้งยิ่งนัก
…เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของผู้ติดตามอิเหนา รวมทั้งก้าโหละนาหวัง นิลวาตีซึ่งต่างก็ต้องอับอายที่ตนเคยไปยั่วยวนกำบูแปลง จึงยอมเป็นเมียน้อยโดยดี…

เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว อิเหนาและมวลเมียจึงเดินทางกลับกรุงดาหา โดยไม่ลืมหนีบระเด่นสิงหมนตรี ตัวตลกก๋าก๊ะไปด้วย (จะบอกทีหลังว่าหนีบไปทำไม)
ขบวนของพวกเขาเดินทางไปถึงเมืองร้างที่ปันหยีสะมิหรังเคยสร้างไป จินตะหราเห็นเมืองก็ร้องไห้ เพราะสงสารในชะตากรรมของตนเองที่ถูกนางอิจฉารังแกจนต้องหลบออกมาปล้นฆ่าคนเล่นแก้เหงา …สุดท้ายก้าโหละน้อยจึงสั่งให้ทำลายเมืองนั้นเสียสิ้น มิให้เหลือความทรงจำอันเลวร้ายอีก
ต่อมาขบวนพวกเขาเคลื่อนเข้าสู่กรุงดาหา อิเหนาและจินตะหราได้เข้าเฝ้าระตูดาหาพร้อมเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ระตูดาหาฟังแล้วก็ไม่ค่อยเก็ต …แต่เอาเถอะมันจบดี มีลูกเขยหล่อ จึงจัดการเฉลิมฉลองอภิเษกอิเหนากับลูกสาวอย่างเอิกเกริก
…และสำหรับอาหยังซึ่งถูกหย่านั้นก็ไม่ต้องเสียใจ ทุกคนตัดสินใจทดแทนให้โดยการจับระเด่นสิงหมนตรีผู้ก๋าก๊ะไปโยนไว้ในห้องเดียวกับนาง แล้วล็อคห้อง
…ปล่อยให้สิงหมนตรีไล่ปล้ำนางจนกว่าจะหมดแรงตกเป็นเมีย…
ส่วนนางลิกูนั้น เมื่อมนต์สเน่ห์แห่งนมและชานหมากหมด นางจึงสั่งบริวารไปเอายาสเน่ห์ชุดใหม่มา บาปกรรมทำให้บริวารนั้นถูกฟ้าผ่าตาย ลิกูคิดไม่ออกว่าจะส่งบริวารคนไหนไปแทนหรืออย่างไรไม่ทราบ ในที่สุดตรอมใจตายไปเอง
เมื่อสิ้นสุดนางอิจฉาแล้ว อิเหนาก็ตั้งให้จินตะหราเป็นประไหมสุหรี ให้ก้าโหละนิลวาตีเป็นมหาเดหวี ให้นางบุษบาชูวิต และก้าโหละนาหวังเป็นลิกูคู่กัน เมียอื่นๆต่างได้รับตำแหน่งรองลงไป ส่วนเกนบาหยัน เกนส้าหงิดนั้นได้แต่งงานกับพระพี่เลี้ยงของอิเหนา
…และแล้วเรื่องราวของสาวงามนามจินตะหรา ที่ชะตาผกผันให้เปลี่ยนสถานะจากก้าโหละ (เจ้าหญิง) มาเป็นกะละหนา (โจร) มาเป็นแอหนัง (แม่ชี) มาเป็นกำบู (นักร้อง) และมาเป็นประไหมสุหรี (พระราชินี) ก็ได้จบลงในที่สุด
ทุกคนต่างมีความสุขแฮปปี้เอนดิ้ง ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนของอาหยัง และดวงวิญญาณของเหตุผลที่ลอยล่องฉวัดเฉวียนโปรยละอองสดใสไปในอากาศแบบหนังวอลท์ ดิสนีย์
…ท่านดาโต๊ะได้เล่าแถลงเรื่องปันหยี สะมิหรัง อัสมารันตะกะ มีข้อความดังกล่าวมาทั้งมวล ยุติลงเพียงนี้แล…

ที่มา: http://pantip.com/topic/33035625

Leave a Reply