หิกะยัต ปันหยี สะมิหรัง (อิเหนาต้นฉบับ) ตอนที่ 4: ปันหยีสติแตก
หลังจากจินตะหราถูกพ่อและเมียน้อยกดขี่ทำร้ายจิตใจอย่างหนัก นางเคียดแค้นจนกลายเป็นโรคจิต จึงหลบออกจากเมืองปลอมตัวเป็นกะละหนา (โจรชั่ว) นามปันหยี สะมิหรัง ออกปล้นฆ่าจับผู้คนมาเป็นทาสบำเรอความสุขตนเอง
ระตูแห่งมันตาหวันซึ่งเป็นเมืองเล็กๆแถวนั้น ทราบข่าวกะละหนาอาละวาดให้ราษฎรเดือดร้อน จึงกะเกณฑ์ไพร่พลเป็นกองทัพใหญ่ ให้ดะหมัง และตำมะหงง (ตำแหน่งขุนนาง) นำทัพปราบโจร
ดะหมังตำมะหงงยกไปถึงเมืองของปันหยี พบกุดาประวีระ และกุดาปะรันจาเฝ้ากำแพงอยู่ จึงบุกเข้าจู่โจมอย่างดุร้าย!
…เสียดายกุดาประวีระ ปะรันจาคือตัวละครลับที่เก่งที่สุดในเรื่องนี้แล้ว
ในสายตาของพวกนาง ไพร่มันตาหวันเหล่านี้จึงเป็นเพียงมดปลวก นางแค่ร่ายรำเพลงกริชบู๊ตึ้งอันสุดยอดเพียงครึ่งกระบวนท่า ก็สังหารดะหมัง ตำมะหงง พร้อมทหารเลวทั้งนั้นล้มตายไปหลายร้อยศพ ที่เหลือถูกจับหรือไม่ก็แตกหนีกลับเมือง
สำหรับพวกที่ถูกจับนั้น กุดาทั้งสองมัดไปให้ปันหยีเปร่งออร่าความหล่อใส่ ทุกคนถูกออร่าจนหน้ามืดตามัว ลืมความแค้นเพื่อร่วมรบ… ลืมแผ่นดินเกิด… เหลือจำได้แต่ความหล่อของปันหยี… ต่างพากันสาบานว่าจะขอจงรักภักดีต่อระตูผู้สง่างามไปจนกว่ายิหวา (ชีวิต) จะหาไม่
ครั้นระตูมันตาหวันรู้ว่าทหารรบแพ้ถูกเกลี้ยกล่อมมากมาย และปันหยีสะมิหรังกำลังจะยกทัพมาตีตนตอบแทน ก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก …ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจอย่างกล้าหาญ
…โดยยอมเป็นเมืองขึ้นปันหยี พร้อมส่งประไหมสุหรี (เมียเอก) และลูกสาวสองคนชื่อบุษบาชูวิต กับบุษบาส่าหรี เป็นบรรณาการ…
ประไหมสุหรีกับลูกสาวฟังว่าพวกตนถูกยกเป็นเมียโจรก็พากันร้องห่มร้องไห้ กลัวว่าจะถูกโจรชั่วบังคับขืนใจ พากันตัดพ้อรำพันไปต่างๆ
…แต่รำพันอยู่ไม่นาน …พอถูกส่งไปพบปันหยีสะมิหรังตัวจริง ทั้งสามต่างก็ถูกออร่าความหล่อสะกดจนงมงายไหลหลง พากันแย่งจะให้ปันหยีมาข่มขืนตัว
ปันหยีหัวเราะหึหึ จึงบอกว่าประไหมสุหรีแก่แล้วไม่รับ ส่วนบุษบาชูวิตกับบุษบาส่าหรีจะรับเป็นนางสนม แต่ขอฝากไว้กับเมืองมันตาหวันก่อนละกันนะ
บุษบาชูวิตกับบุษบาส่าหรีได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ จึงพากันร่ำไห้กอดขาปันหยี บอกว่าพวกตนมีความภักดีต่อสามีอย่างมากเปรียบเหมือนนางสีดาภักดีต่อพระรามฉะนั้น จะขอสู้ติดตามไปทุกหนแห่ง บุกน้ำลุยไฟเพื่อบูชาความรักอันซื่อสัตย์บริสุทธิ์!
…ปันหยีฟังความจริงใจนี้แล้วจึงยอมรับนางทั้งสองมาอยู่เมืองตนอย่างหยวนๆ
แล้วทั้งหมดก็ใช้ชีวิตสนุกสนานเริงใจไปกับการแสดงละครดนตรีโดยพวกทาสที่จับมาได้ พร้อมทั้งข้าวปลาอาหารอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งได้รับบรรณาการจากมันตาหวัน
แม้จะสำราญเพียงใด บุษบาชูวิต บุษบาส่าหรีก็อดแปลกใจมิได้ ที่ปันหยีเพียงกอดจูบลูบคลำฉิ่งฉับตน แต่ไม่เคยทำมากกว่านั้นมาก่อน
…ตอนแรกก็นึกว่าสามีเป็นสุภาพบุรุษ ที่ไหนได้พอปันหยีเบื่อก็ยกนางทั้งสองให้บำเรอกุดาประวีระ กับกุดาปะรันจาต่อ ซึ่งทหารทั้งสองก็เอาแต่กอดจูบฉิ่งฉับ แต่ไม่ทำอะไรมากกว่านั้นเช่นกัน
========= เหตุผลของเรื่องนี้ถูกฆ่าตายอีกครั้ง ==========
สำหรับปันหยีสะมิหรังนั้น พอเบื่อนางบุษบาทั้งสองก็เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นก้าโหละจินตะหรา แล้วไปเล่นกับตุ๊กตาทองคำ โดยสมมุติว่าตุ๊กตานั้นคือลูกของตนที่เกิดกับอิเหนาจริงๆ
นางร้องเพลงกล่อมลูกอย่างไพเราะ พร้อมตัดพ้อชะตากรรมที่ตัวเองถูกลิกูกับอาหยังกลิ้งกลั่นแกล้งน่าสงสารมาก
…เป็นอย่างนี้ไปหลายหน้ากระดาษ…
…แล้วพออยู่ในรูปผู้หญิงจนเบื่อแล้ว จินตะหราก็เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นปันหยีกลับมาเล่นจ้ำจี้กับพวกนางสนมอีก สลับกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ
…ทั้งนี้มีเพียงมหาเดหวีคนเดียวที่ทราบเรื่องการป่วยเป็นสองบุคลิกจิตเภทของบุตรบุญธรรม แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะเป็นตัวประกอบที่มีบทมากกว่าต้นไม้นิดเดียว (ไม่ต้องห่วงหรอกครับ …ความหล่อยังช่วยให้ทุกคนยังคงคิดว่าจินตะหรา/ปันหยีเป็นคนปกติ)
ตัดไปที่เมืองกุเรปัน ระตูกุเรปันมิได้ทราบว่าว่าที่ลูกสะใภ้สติแตกไปแล้ว ก็บัญชาให้ส่งเครื่องสินสอดทองหมั้นไปยังเมืองดาหา เพื่อสู่ขอจินตะหราตามประเพณี
ขบวนขันหมากนั้นเดินทางไปใกล้เมืองของปันหยี กลับถูกกุดาประวีระและกุดาปะรันจาดักไว้ได้
กุดาทั้งสองถามไถ่จนทราบว่า นี่คือขบวนขันหมากของระเด่นอิเหนา
…พวกนางพากันดีใจ ต้อนรับพวกเขาเข้าเมือง เปิดเผยความจริง และทั้งหมดพากันกลับไปทวงสิทธิ์อันชอบธรรมที่เมืองดาหา
…ซะเมื่อไหร่…
เนื่องจากเหตุผลของเรื่องนี้ถูกฆ่าตายไปแล้ว กุดาประวีระ และปะรันจาจึงทำการสังหารหมู่ขบวนขันหมาก ปล้นชิงเอาทรัพย์สมบัติกุเรปันมาทั้งสิ้น!
พวกคณะทูตรอดตายมารายงานอิเหนา อิเหนาก็โกรธจนกริชสั่นจึงประกาศว่าจะยกไปรบกับปันหยีสะมิหรัง ปราบโจรชั่ว ยกแผ่นดินสูงขึ้นให้จงได้!
…โปรดติดตามการเผชิญหน้าระหว่างอิเหนากับปันหยี ในตอนต่อไป…