ชายแก่คนนั้นทำงานในบริษัท แต่เขาไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่มีคนขับรถ ขับรถคันเก่าไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง
เขาไม่ใช่คนยากไร้ ตรงกันข้ามเขาเป็นคนร่ำรวยอันดับที่สามของโลก* (2007) ประมาณว่า ความร่ำรวยราวห้าหมื่นสองพันล้านดอลลาร์ ด้วยเงินของเขาสามารถซื้อเครื่องบินส่วนตัวได้หลายลำ แต่เขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว เขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดิมที่เขา ซื้อเมื่อครึ่งศตรรษที่แล้ว กินอาหารง่าย ๆ ใช้ชีวิตง่าย ๆ การหย่อนใจของเขาคือ นอนดูโทรทัศน์รายการโปรดบนโซฟา กินข้าวโพดคั่วที่ทำเอง
เขาไม่ใช่คนขี้เหนียว ตรงกันข้ามเขาเพิ่งบริจาคเงิน 83 เปอร์เซ็นต์ของเขาให้องค์กรการกุศล (ประมาณสามหมื่นล้านดอลลาร์) เป็นเงินบริจาคที่สูงที่สุดก้อนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ชายแก่คนนั้นชื่อ วอร์เรน บัพเฟตต์
“วอร์เรน บัฟเฟตต์” เริ่มทำงานครั้งแรกกับพ่อตอนอายุสิบ เอ็ดขวบ เป็นงานนายหน้าค้าหุ้น ปีนั้นเขาซื้อหุ้นตัวแรก คือหุ้น ซิตีส์ เซอร์วิสเซส หุ้นละ 38.25 เหรียญ เขาขายเมื่อหุ้นขึ้นถึง 40 เหรียญ และไม่กี่ปีต่อมามันขึ้นถึง 200 เหรียญ สิ่งนี้สอนให้เขาเห็นค่าของการลงทุนกับหุ้นที่ดีในระยะยาว
ปลาทูไหม้
แม่ของผมชอบทำอาหาร…
คืนหนึ่งหลังจากที่แม่ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน แม่กลับบ้านมาด้วยความเหนื่อยล้า และทำอาหารเย็นให้เราปกติ ที่โต๊ะอาหาร แม่วางจานที่มีปลาทูไหม้เกรียม บนโต๊ะต่อหน้า พ่อ และทุกๆคน….
ผมรอว่าแต่ละคนจะว่าอย่างไร…..
แต่…พ่อไม่พูดอะไร และตั้งหน้าตั้งตา กินปลาทูไหม้ตัวนั้น และหันมาถามผมว่าที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง
กรรไกรเล็บมังกร
ยุคราชวงศ์หมิงของประเทศจีน ในสมัยของกษัตริย์หมิงซื่อจง ราวๆ 1500 ปีก่อน
ในสมัยนั้นมีคำล่ำลือกันทั่วไปว่า ในเมืองหลวงมีช่างตัดเสื้อผู้หนึ่งชื่อช่างหยู เป็นผู้มีพรสวรรค์ในการตัดเสื้อผ้าได้งดงามดั่งมีเทพยดามาช่วยตัดเย็บ เสื้อผ้าที่ช่างหยูตัดเย็บนั้นจะมีความละเอียดละออในทุกๆจุดจนหาที่ติแทบมิได้ สำคัญไปกว่านั้นก็คือไม่ว่าจะตัดให้กับผู้ใดใส่ ความสั้นยาวของชายผ้าจะพอดีตัวผู้ใส่ตามธรรมเนียมการแต่งตัวของราชสำนักเสมอ
หลายเสียงพูดกันว่าช่างหยูมีกรรไกรวิเศษที่ใช้ในการตัดผ้าทำมาจากเล็บของมังกร
บ้างก็เรียกช่างหยูว่าช่างกรรไกรเล็บมังกร
แม้จะร่ำลือกันอย่างนั้น ก็หามีใครเคยเห็นกรรไกรที่ทำมาจากเล็บมังกรของช่างหยูไม่
มดง่ามกับแมลงวัน
แมลงวันตัวหนึ่งไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่งเที่ยวบินเร่ร่อนหาของกินไปทั่ว และไม่ได้คิดถึงอะไรมากนัก นอกจากคิดว่าตนเองมีความสุขสบายดีแล้วที่มีชีวิตแบบนี้ เพราะเป็นผู้ไม่มีภาระและไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย
วันหนึ่งแมลงวันตัวนี้บินเตร็ดเตร่ไปหาของกินแล้วพบฝูงมดง่ามฝูงหนึ่งกำลังขน อาหารไปสู่รังอย่างขะมักเขม้น แมลงวันปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน มดง่ามตัวหนึ่งได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองแล้วถามแมลงวันว่า
“มีใครในหมู่พวกเรา ทำให้ท่านขบขันถึงปานนั้นหรือ”
แมลงวันร้องบอกอย่างเย้ยหยัน “ข้า มิได้ขบขันผู้ใดผู้หนึ่งในหมู่ท่าน แต่ข้าพเจ้ารู้สึกเวทนาในชะตาชีวิตของพวกเจ้ามากกว่าที่พวกท่านต้องทำ งานอยู่ตลอดเวลาจึงจะมีอาหารประทังชีวิต ผิดกับตัวข้าพเจ้าที่ไม่ต้องทำอะไรเลย แต่สามารถหาอาหารมาปรนเปรอกระเพาะได้ตลอดเวลา”
คิดแบบมหาเศรษฐี
ชายชาวอินเดีย เดินเข้าไปในแบงค์ที่นิวยอร์ก
แล้วก็ไปหาเจ้าหน้าที่สินเชื่อ แล้วก็บอกว่า
จะไปทำธุระที่อินเดีย 2 อาทิตย์ จะขอกู้เงิน 5,000 ดอลลาร์
เจ้าหน้าที่สินเชื่อแจ้งว่าจะขอหลักทรัพย์ค้ำประกัน ชาวอินเดียเลยโชว์กุญแจรถเฟอรารี่คันใหม่เอี่ยม
ที่จอดบนถนนหน้าแบงค์
เขาแสดงหลักฐานและตรวจสอบความถูกต้อง เจ้าหน้าที่สินเชื่อตกลงที่จะรับรถคันนั้นไว้เป็นหลักประกัน
ผู้จัดการธนาคารและเจ้าหน้าที่ทุกคนหัวเราะเยาะ
ที่ชาวอินเดียนำรถเฟอรารี่คันละ 250,000 ดอลลาร์ มาเป็นหลักประกัน
เงินกู้แค่ 5,000 ดอลลาร์ แล้วเจ้าหน้าที่ธนาคารก็ขับเฟอร์รารี่
เข้าไปจอดในที่จอดรถใต้ดินของธนาคาร